

DataCommunication
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 : งานประดิษฐ์และการใช้ทรัพยากร
ความหมายของสิ่งประดิษฐ์
ความหมายของงานประดิษฐ์ หมายถึง งานที่เกิดจากการใช้ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์สร้างหรือประดิษฐ์ขึ้นตามวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย หรือเพื่อความสวยงาม หรือประดับตกแต่งหรือเพื่อประโยชน์ใช้สอย
ความเป็นมาของงานประดิษฐ์ สิ่งประดิษฐ์เกิดขึ้นเพราะมนุษย์เป็นผู้สร้างผู้พัฒนา ปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงแบบ ผลงานด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในแต่ละบุคคล มีวัตถุประสงค์ในการสร้างสิ่งประดิษฐ์เพื่อตอบสนอง ความต้องการด้านประโยชน์ใช้สอย งานประดิษฐ์มีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนไทยตั้งแต่สมัยโบราณ เกี่ยวข้องกับขนบธรรมเนียมและประเพณีทางศาสนา
หลักการสร้างสรรค์งานประดิษฐ์ การสร้างสรรค์งานประดิษฐ์ให้ประดิษฐ์ให้ประสบผลสำเร็จนั้น ผู้เรียนต้องมีความพึงพอใจ ในการทำงาน โดยยึดหลักการดังนี้
1. หมั่นศึกษาหาความรู้ในงานที่ตนเองสนใจ โดยศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญการในชุมชนการโรงเรียน จากตัวอย่างสิ่งประดิษฐ์ที่สนใจ
2. ศึกษาหลักการ วิธีการ หรือขั้นตอนการปฏิบัติงาน ในการประดิษฐ์ชิ้นงานโดยการวิเคราะห์ ด้วยตนเองหรือศึกษาจากผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ หรือจากสื่อต่าง ๆ เช่น วารสาร หนังสือ เป็นต้น
3. ทดลองการปฏิบัติการประดิษฐ์ ผู้เรียนต้องศึกษาค้นคว้าและทดลองปฏิบัติตามแนวคิดที่ได้สร้างสรรค์ไว้ และมีการปรับปรุงแก้ไข ข้อบกพร่องจนสำเร็จเป็นชิ้นงานประดิษฐ์ที่พึงพอใจ
ที่มาและความสำคัญของสิ่งประดิษฐ์
ในปัจจุบันโลกของเราพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก พร้อมกันนั้นโลกของเราก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน โลกร้อนขึ้น เพราะมนุษย์ใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองไม่คำนึงถึงว่าทรัพยากรจะหมดหรือสูญหายไปจากโลกนี้ กลุ่มของพวกเราจึงคิดประดิษฐ์สิ่งของเหลือใช้จากวัสดุเหลือใช้ เช่นกระป๋องเบียร์ ขวดพลาสติก นำสิ่งที่พวกเราหลายคนๆคิดว่าเป็นขยะมาทำเป็นของที่น่าสนใจขึ้นมา โครงงานชิ้นนี้ยังเดินตามรอยพ่อหลวงของเรานั่นคือเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งเป็นเป็นเศรษฐกิจพอเพียงที่ผสมผสานหลายสิ่งหลายอย่างเข้าด้วยกัน เป็นการบูรนาการเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเข้ากับเรื่องของภาวะโลกร้อน การสร้างสรรค์ผลงานประดิษฐ์จากเศษวัสดุที่ย่อยสลายยาก จากวัสดุเหลือใช้ประเภทพลาสติก ซึ่งเป็นของเหลือใช้หรือขยะที่มีอยู่ทุกที่ ซึ่งนับวันปริมาณจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆดังนั้นการประดิษฐ์จากเศษวัสดุที่ย่อยสลายยากจากขยะประเภทพลาสติก จึงเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดปริมาณขยะและนำของเหลือใช้นี้มาใช้หรือดัดแปลงให้เกิดประโยชน์ได้ โดยนำมาประดิษฐ์เป็นของเล่น ของประดับตกแต่ง และของใช้ต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจและสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อการรักษาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นการนำเศษสิ่งของเหลือใช้มาประดิษฐ์เป็นของใช้ของตกแต่งแทนการทิ้งให้สูญเปล่า ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในชุมชน และช่วยลดการเกิดภาวะโลกร้อน ขอเชิญชวนพวกเรานักประดิษฐ์สร้างสรรค์ทุกท่านช่วยกันนำเศษวัสดุเหลือใช้ หรือวัสดุที่เป็นขยะต่างๆ นำมาคิดค้นประดิษฐ์เป็นสิ่งของรูปแบบต่างๆเพื่อช่วยลดปริมาณขยะที่ย่อยสลายยากให้ลดลง และลดปริมาณการผลิตสิ่งที่เป็นเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อนขึ้น และช่วยกันประชาสัมพันธ์บอกต่อๆกันให้ทราบว่าวัสดุเหลือใช้ เศษวัสดุ และขยะยังมีค่าสามารถนำมาใช้ทำประโยชน์ได้อีกมากมาย ถ้าเราคิดค้นสร้างสรรค์ชิ้นงานต่างๆ ให้สวยงามและคงคุณค่าไว้ได้และที่สำคัญเพื่อเป็นการช่วยลดภาวะโลกร้อน
ประเภทของงานประดิษฐ์
1. งานประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย
1.1 งานประดิษฐ์ด้วยดอกไม้สด
1.2 งานประดิษฐ์ด้วยใบตอง
1.3 งานแกะสลักพืชผักและผลไม้
1.4 งานจักสาน
2. งานประดิษฐ์ทั่วไป
2.1 งานปั้น
2.2 งานประดิษฐ์ดอกไม้ ต้นไม้ด้วยกระดาษหรือผ้า
2.3 งานประดิษฐ์จากเศษวัสดุหรือวัสดุเหลือใช้
2.4 งานประดิษฐ์จากวัสดุธรรมชาติ
การออกแบบงานประดิษฐ์
การออกแบบงานประดิษฐ์ เป็นการสร้างรูปลักษณ์ของชิ้นงาน โดยอาศัยความคิดสร้างสรรค์ความรู้ความเข้าใจ ในหลักการออกแบบและนำมาใช้ ทำให้การออกแบบชิ้นงานนั้นมีคุณค่าและน่าสนในยิ่ง
1. การออกแบบ หมายถึง การทำต้นแบบ หรือการทำโครงสร้างของชิ้นงานที่ต้องการประดิษฐ์ เพื่อให้ได้ผลงานสำเร็จตามที่มุ่งหวัง โดยการเลือกวัสดุ เลือกสี ที่นำมาใช้ให้เหมาะสมสวยงาม
2. ที่มาของการออกแบบงานประดิษฐ์
2.1 การศึกษาแบบของงานที่ตนสนใจจากหนังสือ นิตยสารแล้วทดลองปฏิบัติ
2.2 การดัดแปลงแบบที่มีอยู่เดิม หรือแบบตัวอย่างโดยทำการศึกษาแบบ จนเกิดความเข้าใจ จึงปฏิบัติการสร้างแบบ โดยการนำเอาแนวความคิดหรือความคิดสร้างสรรค์ของตนเองไปผสมผสานทำให้ได้แบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร
2.3 การออกแบบด้วยตนเองคือการออกแบบที่เกิดจากแนวคิดของตนเองและทดลองปฏิบัติสร้างแบบจนได้แบบที่สวยงาม เหมาะสมตามความต้องการ
งานประดิษฐ์ทั่วไป
งานประดิษฐ์ที่เกิดจากแนวความคิดหรือความคิดสร้างสรรค์ที่มุ่งสร้างผลงานโดยมีจุดมุ่งหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง
– ประดิษฐ์เพื่อเป็นของเล่น
– ประดิษฐ์เพื่อเป็นของใช้
– ประดิษฐ์ของตกแต่งบ้าน
2.4.2 ประโยชน์ของงานประดิษฐ์
1. งานประดิษฐ์มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของไทย
2. งานประดิษฐ์มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องขนบธรรมเนียมและประเพณีทางศาสนา
3. งานประดิษฐ์ช่วยให้เกิดความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ
4. งานประดิษฐ์ช่วยให้การทำงานของสมองและประสาทสัมผัสประสานสัมพันธ์กัน
5. ใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่ง ของเล่น ของขวัญที่ระลึก
6. รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
7. เป็นการฝึกลักษณะนิสัยในการทำงานให้มีความอดทน
แผนการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมง
หน่วยการเรียนรู้ ที่ 4 เรื่องที่ 1 การประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย
ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 เวลา 4 ชั่วโมง
1. เป้าหมายของเรื่อง
เข้าใจความหมาย ประโยชน์ หลักในการประดิษฐ์สิ่งของที่เป็นเอกลักษณ์ไทย
2. ตัวชี้วัด
ง 1.1 ม. 4-6 /1 อธิบายวิธีการทำงานเพื่อการดำรงชีวิต
ง 1.1 ม. 4-6 /2 สร้างผลงานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ และมีทักษะการทำงานร่วมกัน
ง 1.1 ม. 4-6 /3 มีทักษะการจัดการในการทำงาน
ง 1.1 ม. 4 - 6 / 4 มีทักษะกระบวนการแก้ปัญหาในการทำงาน
ง 1.1 ม. 4-6 / 5 มีทักษะในการแสวงหาความรู้เพื่อการดำรงชีวิต
ง 1.1 ม. 4-6 / 6 มีคุณธรรมและลักษณะนิสัยในการทำงาน
ง 1.1 ม. 4-6 / 7 ใช้พลังงาน ทรัพยากร ในการทำงานอย่างคุ้มค่าและยั่งยืนเพื่อการอนุรักษ์
สิ่งแวดล้อม
3. สาระการเรียนรู้
เรื่องที่ 1 การประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย
- ความหมายและประโยชน์ของงานประดิษฐ์
- ประเภทของงานประดิษฐ์
- หลักในการประดิษฐ์
- การเป็นผู้ประดิษฐ์ที่ดี
- การแก้ไขปัญหาในการทำงานประดิษฐ์
- การประดิษฐ์ของเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ไทย
4. สมรรถนะ / คุณลักษณะที่เน้น
4.1 สมรรถนะ
1. ความสามารถในการสื่อสารด้วยการพูดและการเขียน
2. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
4.2 คุณลักษณะ
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. อยู่อย่างพอเพียง
4. มุ่งมั่นในการทำงาน
5. มีจิตสาธารณะ
5. หลักฐานแสดงผลการเรียนรู้
5.1 ชิ้นงาน
1. ใบงานกิจกรรมพัฒนาการคิด กิจกรรมสรุปความเข้าใจและกิจกรรมสัมพันธ์กับชีวิตจริง
5.2 ภาระงาน
2. แบบ Rubrics งานประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย
6. การบูรณาการ
บูรณาการการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ออกแบบงานประดิษฐ์
กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ (งานช่าง – งานบ้าน) การใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ในงานประดิษฐ์
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ การใช้พลังงานที่มีอยู่ตามธรรมชาติ
7. กิจกรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 1 ความหมาย ประโยชน์ และประเภทของงานประดิษฐ์
1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. ครูให้นักเรียนสำรวจภายในห้องเรียนว่ามีชิ้นงานไหนบ้างที่ถือว่าเป็นงานประดิษฐ์
2. นักเรียนช่วยกันสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัวและภายในห้องเรียน และช่วยกันตอบคำถามของครู สรุปได้ดังนี้ คำตอบของนักเรียนแต่ละห้องอาจไม่เหมือนกัน เช่น แจกัน ดอกไม้ประดิษฐ์ ดอกไม้ที่ใช้จัดป้ายนิเทศ ตุ๊กตาดินเผา เป็นต้น
3. ครูสอบถามเหตุผลนักเรียนว่าทำไมจึงคิดว่าคำตอบของนักเรียนเหล่านั้นเป็นงานประดิษฐ์
4. นักเรียนช่วยกันตอบตามความคิดของตนเอง ครูคัดเลือกคำตอบที่จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันได้ เขียนบนกระดานดำ
2. ขั้นสอน ( กระบวนการทางสังคม / กระบวนการสร้างองค์ความรู้ / กระบวนการคิดวิเคราะห์ / กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง)
1. ให้นักเรียนช่วยกันอภิปรายความหมายของคำว่างานประดิษฐ์
2. ครูช่วยสรุปความหมายของคำว่างานประดิษฐ์ที่ถูกต้อง
3. ให้นักเรียนช่วยกันพิจารณาผลการอภิปรายกับคำตอบที่นักเรียนคิดตรงกันหรือคล้ายคลึงกันตามที่เขียนสรุปบนกระดานดำหรือไม่ ครูช่วยนักเรียนในการตัดสินใจ
4. ครูให้นักเรียนที่มีประสบการณ์ในการทำงานประดิษฐ์ออกมาเล่าให้เพื่อนฟังหน้าห้องเรียน
5. ครูถามนักเรียนว่าประสบการณ์งานประดิษฐ์จากที่เพื่อนเคยทำ เป็นงานประดิษฐ์ประเภทใด มีวัตถุประสงค์ในการทำอย่างไร
6. นักเรียนช่วยกันตอบคำถามและให้เพื่อนที่มีประสบการณ์ ตอบว่าถูกต้องหรือไม่
7. ให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่องความหมาย ประโยชน์และประเภทของงานประดิษฐ์เพิ่มเติม จากหนังสือเรียนการงานอาชีพและเทคโนโลยี งานบ้าน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่องที่ 1 ของสำนักพิมพ์ประสานมิตร
3. ขั้นสรุปและประเมินผล
1. ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปความสำคัญและประโยชน์และประเภทของงานประดิษฐ์
2. ครูแนะนำให้นักเรียนไปศึกษาความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เกี่ยวกับงานประดิษฐ์ที่เป็นสินค้า
โอทอปของชุมชนที่นักเรียนอาศัยอยู่ หรือตามสถานที่รัฐบาลหรือเอกชนจัดนิทรรศการ เพื่อให้ได้รับประสบการณ์และแนวคิดในการประดิษฐ์เพิ่มขึ้น
3. ให้นักเรียนทำกิจกรรมพัฒนาการคิด ในหนังสือเรียนเรียนการงานอาชีพและเทคโนโลยี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 หน่วยที่ 4 ท้ายเรื่องที่ 1 ของสำนักพิมพ์ประสานมิตร
ชั่วโมงที่ 2 การสาธิตการประดิษฐ์ของเล่นจากวัสดุในท้องถิ่น
1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. ครูนำตัวอย่างดอกไม้แห้ง กิ่งไม้ เมล็ดพืชกระดาษหนังสือวารสารที่เป็นสี กะลามะพร้าวแห้ง เศษผ้า เศษไหมพรม มาให้นักเรียนดู และถามว่าจากเศษวัสดุเหล่านี้ นักเรียนสามารถนำมาประดิษฐ์เป็นอะไรได้บ้าง
2. ให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์และตอบคำถามตามจินตนาการของแต่ละคน
3. นักเรียนอาจตอบคำถามอย่างหลากหลาย เช่น ทำภาพติดผนังจากเศษผ้า ทำภาชนะใส่ของจากกะลา ทำที่คั่นหนังสือ ทำมู่ลี่กระดาษ ทำของเล่น เป็นต้น
2. ขั้นสอน ( กระบวนการทางสังคม / กระบวนการสร้างองค์ความรู้ / กระบวนการคิดวิเคราะห์ / กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง)
1. ครูให้นักเรียนวิเคราะห์ว่าในงานประดิษฐ์ที่นักเรียนตอบ ถ้าแยกประเภทของงานประดิษฐ์ จะได้อะไรบ้าง
2. นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ อาจได้คำตอบดังนี้
- ประดิษฐ์ของตกแต่งบ้าน
- ประดิษฐ์ของใช้
- ประดิษฐ์ของเล่น
3. ครูนำวัสดุอุปกรณ์เตรียมมาสาธิตงานประดิษฐ์ของเล่นจากเศษวัสดุให้นักเรียนดู
4. ให้นักเรียนสมัครใจออกมาช่วยครูจัดแยกวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ประดิษฐ์ให้เรียบร้อย
5. ครูแนะนำวัสดุอุปกรณ์ การใช้งาน ให้นักเรียนทราบ ตลอดจนการดูแลเก็บรักษาอุปกรณ์ที่ถูกต้อง
6. ครูสาธิตการประดิษฐ์ของเล่นจากกะลามะพร้าว ให้นักเรียนดูตามลำดับขั้นตอน
7. ให้นักเรียนซักถามขั้นตอนที่นักเรียนไม่เข้าใจได้
8. นักเรียนและครูช่วยกันตกแต่งงานจนสำเร็จเรียบร้อย
9. นักเรียนศึกษาความรู้เพิ่มเติมจากหนังสือเรียนการงานอาชีพและเทคโนโลยี งานบ้าน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่องที่ 1
3. ขั้นสรุปและประเมินผล
1. ให้นักเรียนสรุปวัสดุอุปกรณ์ในการประดิษฐ์ของเล่นเศษวัสดุที่มีในท้องถิ่น ตลอดจนลำดับขั้นตอนในการทำ รวมทั้งประโยชน์ที่ได้รับจากการประดิษฐ์
2. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มๆละไม่เกิน 4 คน วางแผน แบ่งหน้าที่ ในการทำงานประดิษฐ์ในสัปดาห์ต่อไป โดยครูให้นักเรียนสำรวจวัสดุที่มีในท้องถิ่นและใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการเลือกทำภายในกลุ่ม
3. ให้นักเรียนส่งแผนการทำงานท้ายชั่วโมงเพื่อครูให้คำแนะนำและตรวจสอบความถูกต้องในแผนงานของแต่ละกลุ่ม
4. นัดหมายให้นักเรียนนำวัสดุอุปกรณ์มาประดิษฐ์ในสัปดาห์ต่อไป ภายในเวลา 2 คาบ
ชั่วโมงที่ 3 – 4 การประดิษฐ์ของเล่นจากวัสดุในท้องถิ่น
1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. ให้นักเรียนนั่งตามกลุ่มที่แบ่งไว้ในสัปดาห์ที่แล้ว
2. ให้นักเรียนนำวัสดุอุปกรณ์ที่เตรียมมาสำหรับประดิษฐ์ใน 2 คาบ มาวางบนโต๊ะให้ครูตรวจสอบความพร้อม
2. ขั้นสอน ( กระบวนการทางสังคม / กระบวนการสร้างองค์ความรู้ / กระบวนการคิดวิเคราะห์ / กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง)
1. ครูให้นักเรียนลงมือทำงานประดิษฐ์ ตามที่นักเรียนแต่ละกลุ่มได้วางแผน ให้นักเรียนทำอย่างอิสระ
2. ครูเดินตรวจดูผลการทำงานแต่ละกลุ่ม ให้คำแนะนำในการใช้อุปกรณ์ที่ถูกต้อง บันทึกผลการทำงานตามลำดับขั้นตอน การให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานกลุ่ม ตามแบบประเมินที่ครูจัดเตรียมไว้
3. ครูแจ้งกำหนดเวลาในการทำงานและเตือนให้นักเรียนร่วมมือกันประดิษฐ์ให้ทันตามเวลาที่
กำหนด
3. ขั้นสรุปและประเมินผล
1. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานที่สำเร็จ ว่าเป็นงานประดิษฐ์ประเภทใดและประโยชน์ของผลงานที่ประดิษฐ์ กลุ่มละ 5 นาที
2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มได้มีส่วนช่วยกันประเมินผลงานกลุ่มอื่นๆด้วย
3. ครูชมเชยผลงานของนักเรียนแต่ละกลุ่มที่ช่วยกันคิดและปฏิบัติงานจนสำเร็จ
4. ครูแนะนำให้นักเรียนรู้จักการสังเกตว่า ภายในท้องถิ่นของนักเรียนมีอะไรบ้างที่สามารถนำมาทำงานประดิษฐ์ได้ ลองฝึกทำบ่อยๆจะเกิดความคิดสร้างสรรค์
5. ให้นักเรียนไปศึกษาดูว่าในท้องถิ่นที่อาศัยอยู่มีงานประดิษฐ์อะไรบ้างที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยและให้เรียนรู้จากวิทยากรที่มีภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อช่วยกันสืบสานไว้ต่อไปให้ลูกหลาน
6. ครูนำผลงานของนักเรียนไปจัดนิทรรศการเพื่อเผยแพร่ความสามารถของนักเรียน และให้นักเรียนเกิดความภาคภูมิใจ
8. สื่อการเรียนรู้ / แหล่งการเรียนรู้
1. หนังสือเรียนการงานอาชีพและเทคโนโลยี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 สำนักพิมพ์ประสานมิตร
2. ตัวอย่าง ดอกไม้แห้ง กิ่งไม้ เมล็ดพืช กระดาษหนังสือ วารสารที่เป็นสี กะลามะพร้าวแห้ง เศษผ้า เป็นต้น
3. ตัวอย่างวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในงานประดิษฐ์ เช่น เลื่อย กระดาษทราย ไขควง ค้อน กะลามะพร้าว เป็นต้น
4. สื่ออินเทอร์เน็ต
5. สื่อสิ่งพิมพ์ เอกสาร วารสารเกี่ยวกับผ้าและเครื่องแต่งกาย
9. การวัดและประเมินผล
1. แบบสังเกต ความร่วมมือในการทำงานกลุ่ม
2. แบบประเมินกิจกรรมพัฒนาการคิด พัฒนาทักษะชีวิต
3. Rubrics สำหรับใช้ประเมินผลงาน
10. บันทึกการใช้แผนการจัดการเรียนรู้
บันทึกหลังสอน เรื่อง...........................................................